ราชวงศ์ที่หกแห่งอียิปต์
ราชวงศ์ที่หกแห่งอียิปต์ | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ราว 2345 ปีก่อนคริสตกาล–ราว 2181 ปีก่อนคริสตกาล | |||||||||||
พระนางอังค์เนสเมริเรที่ 2 กับพระราชโอรสของพระองค์ ฟาโรห์เปปิที่ 2 | |||||||||||
เมืองหลวง | เมมฟิส | ||||||||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาอียิปต์ | ||||||||||
ศาสนา | ศาสนาอียิปต์โบราณ | ||||||||||
การปกครอง | สมบูรณาญาสิทธิราชย์ | ||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | ยุคสัมฤทธิ์ | ||||||||||
• ก่อตั้ง | ราว 2345 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||||
• สิ้นสุด | ราว 2181 ปีก่อนคริสตกาล | ||||||||||
|
สมัยและราชวงศ์ของอียิปต์โบราณ |
---|
ทั้งหมดก่อนคริสต์ศักราช |
ดูเพิ่ม: รายชื่อฟาโรห์ตามช่วงเวลาและราชวงศ์ |
ราชวงศ์ที่หกแห่งอียิปต์ เป็นหนึ่งในราชวงศ์จำนวน 4 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์ที่สาม สี่ และห้า ที่ถูดจัดเป็นกลุ่มของราชวงศ์ที่ปกครองอยู่ในช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่าของอียิปต์โบราณ
รายพระนามฟาโรห์จากราชวงศ์ที่หกแห่งอียิปต์
[แก้]ฟาโรห์ที่เป็นที่ทราบจากราชวงศ์ที่หกปรากฏอยู่ในตารางด้านล่าง[1] มาเนโธได้กำหนดให้ราชวงศ์ที่หกได้ปกครองอียิปต์ราว 203 ปี นั้บตั้งแต่จากรัชสมัยของฟาโรห์เตติถึงฟาโรห์นิโตคริส ขณะที่ในบันทึกพระนามแห่งตูรินได้ระบุว่าราชวงศ์ที่หกได้ปกครองอียิปต์เป็นระยะเวลา 181 ปี แต่มีฟาโรห์เพิ่มอีกสามพระองค์ที่ประกอบด้วยอาบา (Aba) ซึ่งเป็นเป็นการลดช่วงปีการปกครองจากราชวงศ์ที่แปดแห่งอียิปต์ที่ถูกเพิ่มเข้ามา ทำให้ระยะเวลาของการปกครองของราชวงศ์ที่หกลดลงเหลือเพียง 155 ปี[2] โดยการประมาณดังกล่าวจะแตกต่างกันไประหว่างนักวิชาการและแหล่งข้อมูล[a]
พระนาม | พระนามครองราชย์[10] | รูปภาพ | ช่วงเวลาที่สันนิษฐาน | ระยะเวลาครองราชย์โดยประมาณ | พีระมิด | พระมเหสี |
---|---|---|---|---|---|---|
เตติ | (ฮอรัส) เซเฮเทปทาวี | 2345–2333 ปีก่อนคริสตกาล | ตามมาเนโธที่ 30–33 ปี
ตามบันทึกพระนามแห่งตูรินที่น้อยกว่า 7 เดือน ตามการนับจำนวนปศุสัตว์ที่ 6 ครั้ง เท่ากับอยู่ที่ประมาณ 12–13 ปี[2][11] |
พีระมิดแห่งเตติในซักกอเราะฮ์ | อิพุตที่ 1คูอิตเคนท์คาอุสที่ 4
นิธ | |
ยูเซอร์คาเร | (ไม่ทราบ) | 2333–2331 ปีก่อนคริสตกาล | ไม่ปรากฏที่หลักฐานของมาเนโธ,[12] อาจจะทรงเกี่ยวข้องกับลอบปลงพระชนม์ของฟาโรห์เตติ[13]
สูญหายในส่วนที่เสียหายของบันทึกพระนามแห่งตูริน [14] ไม่ทราบจำนวนครั้งของการนับจำนวนปศุสัตว์, สูญหายในส่วนที่เสียหาย(?)[15] |
|||
เปปิที่ 1 | เนเฟอร์ซาฮอร์ (เดิม)
เมอร์อเอนเร (ภายหลัง) |
2331–2287 ปีก่อนคริสตกาล | ตามมาเนโธที่ 52 ปี[2]
ตามบันทึกพระนามแห่งตูรินที่ 20 หรือ 44 ปี[16] ตามการนับจำนวนปศุสัตว์ที่ 25 ครั้ง เท่ากับอยู่ที่ประมาณ 49–50 ปี[17] |
พีระมิดแห่งเปปิที่ 1 ในซักกอเราะฮ์ใต้ | อังค์เอสเอนเปปิที่ 1อังค์เอสเอนเปปิที่ 2นุบเวเนตเมริตอิเตสที่ 4อิเนเนค-อินติเมฮาอาเนดจ์เอฟเทต | |
เนมติเอมซาฟที่ 1 | เมอร์เอนเร | 2287–2278 ปีก่อนคริสตกาล | ตามมาเนโธที่ 7 xu
ตามบันทึกพระนามแห่งตูรินที่ 6 ปี ตามการนับจำนวนปศุสัตว์ที่ 5 ครั้งกับอีก 1 ปี เท่ากับอยู่ที่ประมาณ 10 ปี[18] |
พีระมิดแห่งเมอร์เอนเรในซักกอเราะฮ์ใต้ | อังค์เอสเอนเปปิที่ 2 | |
เปปิที่ 2 | เนเฟอร์คาเร | 2278–2184 ปีก่อนคริสตกาล | ตามมาเนโธที่ 94 ปี
ตามบันทึกพระนามแห่งตูรินที่มากกว่า 90 ปี ตามการนับจำนวนปศุสัตว์ที่ 33 ครั้ง เท่ากับอยู่ที่ประมาณ 64–66 ปี[19][20] |
พีระมิดแห่งเปปิที่ 2 ในซักกอเราะฮ์ใต้ | นิธอิพุตที่ 2อังค์เอสเอนเปปิที่ 3อังค์เอสเอนเปปิที่ 4อูดจ์เอบเทน | |
เนมติเอมซาฟที่ 2 | เมอร์เอนเร [เนมติ?]เอมซาฟ | 2184 ปีก่อนคริสตกาล | ตามมาเนโธที่ 1 ปี[21][20]
ตามบันทึกพระนามแห่งตูรินที่ 1 ปี, 1 เดือน[22] |
|||
เนทเจอร์คาเร ซิพทาห์หรือ | (ไม่ทราบ) | 2184–2181 ปีก่อนคริสตกาล | ตามมาเนโธบันทึกถึงฟาโรห์นิโตคริสอยู่ที่ 12 ปี[21]
ตามบันทึกพระนามแห่งตูริน เดิมทีคิดว่าจะระบุให้กับฟาโรห์นิโตคริส[23] จากการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับบันทึกปาปิรุสได้เปลี่ยนแปลงการคาดการณ์ดังกล่าว เพื่อชี้ว่าน่าจะเป็นฟาโรห์เนทเจอร์คาเร ซึ่งมีหลักฐานปรากฏอยู่บันทึกพระนามแห่งอไบดอสด้วย[24] |
ประวัติราชวงศ์
[แก้]ราชวงศ์ที่หกได้รับการพิจารณาจากนักวิชาการหลายคนว่าเป็นราชวงศ์สุดท้ายของช่วงสมัยราชอาณาจักรเก่า ถึงแม้ว่าประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณของอ็อกซ์ฟอร์ด[25] จะรวมราชวงศ์ที่เจ็ดและแปดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสมัยราชอาณาจักรเก่าด้วย แต่มาเนโธได้บันทึกว่าฟาโรห์จากราชวงศ์ที่หกทรงปกครองจากเมืองเมมฟิส เนื่องจากพีระมิดของพระองค์ถูกสร้างขึ้นที่ซักกอเราะฮ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก[26]
เมื่อถึงสมัยราชวงศ์ที่ห้า สถาบันศาสนาได้ตั้งตนเป็นกำลังสำคัญในสังคม[27] มีแนวโน้มการเติบโตของระบบขุนนางและฐานะนักบวช และการลดลงของอำนาจของฟาโรห์ที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของฟาโรห์เนเฟอร์อิร์คาเร คาคาอิ[28] ระหว่างการปกครองของฟาโรห์ดเจดคาเร อิเซซิ เหล่าขุนนางได้รับอำนาจมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากสุสานส่วนตัวอันโอ่อ่าที่สร้างขึ้น และในที่สุดก็นำไปสู่การสร้างระบบศักดินาที่มีผลตามมา[29] แนวโน้มที่จัดตั้งขึ้นเหล่านี้ ซึ่งเป็นการกระจายของอำนาจ ควบคู่ไปกับการเติบโตของระบบขุนนางนั้น ได้ทวีความเข้มข้นมากขึ้นในช่วงสามทศวรรษแห่งการปกครองของฟาโรห์ยูนัส ซึ่งทำให้ระบบเศรษฐกิจถดถอยเช่นกัน[30] ซึ่งการเติบโตดังกล่าวดำเนินต่อไปจนถึงราชวงศ์ที่หก ซึ่งนำไปสู่สมัยช่วงระหว่างกลางที่หนึ่ง[31]
ฟาโรห์เตติ
[แก้]ฟาโรห์เตติได้รับการระบุว่าทรงเป็นฟาโรห์พระองค์แรกของราชวงศ์ที่หก[32][13] โดยมาเนโธ โดยหลังจากสิ้นสุดรัชสมัยของฟาโรห์ยูนัส[32] พระองค์จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติในช่วงศตวรรษที่ 23 ก่อนคริสตกาล[33]
มาเนโธได้ระบุว่าฟาโรห์เตติทรงครองราชย์เป็นระยะะเวลา 30 หรือ 33 ปี[34] ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ตราบเท่าที่ยังไม่มีหลักฐานการเฉลิมฉลองเทศกาลเซด และช่วงเวลาที่บันทึกไว้ตรงกับการนับจำนวนปศุสัตว์ครั้งที่หก คือ 12 หรือ 13 ปีในรัชรัชสมัยของพระองค์ ในบันทึกพระนามแห่งตูริน (อาร์ทีซี) ได้ระบุระยะเวลาแห่งการครองราชย์อยู่ที่ประมาณ 7 เดือน ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นไปได้อีก[11] ส่วนนักโบราณคดี ฮาร์ทวิก อัลเทินมุลเลอร์ ซึ่งได้พิจารณาระหว่างหลักฐานจากมาเนโธและและบันทึกการนับจำนวนปศุสัตว์ และเสนอระยะเวลาการครองราชย์ของพระองค์ประมาณ 23 ปี[34] ส่วนนักอียิปต์วิทยา ปีเตอร์ เคลย์ตัน และวิลเลียม สมิธ เสนอว่าพระองค์ทรงครองราชย์เป็นระยะเวลา 12 ปี[35][36][b]
ความสัมพันธ์ระหว่างฟาโรห์เตติกับผู้ปกครองก่อนหน้าของพระองค์ที่ยังคงคลุมเครืออยู่ แต่พระนางอิพุต ซึ่งเป็นพระมเหสีของพรองค์ เชื่อว่าเป็นพระราชธิดาของฟาโรห์ยูนัส[32][36] ซึ่งหมายความว่า ฟาโรห์เตติทรงขึ้นครองบัลลังก์ในฐานะพระชามาดาของฟาโรห์ยูนัส[34] การขึ้นคริงราชย์ของพระองค์ได้แก้ไขวิกฤตการสืบสันตติวงศ์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากฟาโรห์ยูนัสเสด็จสวรรคตโดยไม่มีองค์รัชทายาทบุรุษ[31] ฟาโรห์เตติทรงใช้พระนามฮอรัสว่า เซเฮเทปทาวี (หมายถึง "ผู้ทรงปลอบประโลมสองแผ่นดิน") เพื่อสถาปนารัชสมัยของพระองค์ให้เป็นหนึ่งในการฟื้นฟูเอกภาพทางการเมือง[35] และดูเหมือนจะเกิดขึ้นได้อย่างราบรื่น[36][13] ฟาโรห์เตติยังคงทรงรับขุนนางจากรัชสมัยผู้ปกครองก่อนหน้าของพระองค์จากราชวงศ์ที่ห้าให้ทำงาให้กับราชสำนัก เช่น ราชมนตรีเมฮู และคาเกมนิ ผู้ซึ่งเริ่มรับราชการในช่วงรัชสมยัของฟาโรห์ดเจดคาเร อิเซซิ[34] อย่างไรก็ตาม บันทึกพระนามแห่งตูรินก็แทรกช่องว่างระหว่างรัชสมัยฟาโรห์ยูนัสกับฟาโรห์เตติเช่นกัน ซึ่งจาโรมีร์ มาเล็ก นักอียิปต์วิทยา เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับ "การย้ายที่ตั้งของเมืองหลวงและที่ประทับของพระราชวงศ์"[32] โดยเมืองหลวงย้ายจาก "เมืองกำแพงสีขาว (เมมฟิส)" ไปยังชานเมืองที่มีประชากรหนาแน่นทางใต้ไปยัง "ดเจด-อิสุต" ซึ่งได้มาจากชื่อพีระมิดของฟาโรห์เตติและเมืองพีระมิด และตั้งอยู่ทางตะวันออกของพีระมิด ที่ประทับของพระราชวงศ์อาจจะอยู่ไกลออกไปทางใต้ ในหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปและข้ามทะเลสาบจากเมือง ทางตะวันออกของซักกอเราะฮ์ใต้ ซึ่งเป็นสถานที่สร้างพีระมิดของฟาโรห์ดเจดคาเร อิเซซิ และฟาโรห์เปปิที่ 1[39]
ฟาโรห์เตติมีพระราชธิดาพระนามว่า เซเชสเชต ซึ่งทรงอภิเษกสมรสกับขุนนางคนหนึ่งของพระองค์และหัวหน้านักบวชในช่วงเวลาต่อมานามว่า เมอร์เออร์ยูคา จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าพระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยที่จะทรงสนิทสนมกับชนชั้นสูง[40] โดยเมอร์เออร์ยูคาถูกฝังใกล้กับพีระมิดของฟาโรห์เตติ ในหลุมฝังศพที่หรูหราในซักกอเราะฮ์เหนือ[11][35] ส่วนหนึ่งของพระราชนโยบายที่นำมาสู่ความสงบสุขของฟาโรห์เตติ พระองค์ได้ทรงออกพระราชกฤษฎีกายกเว้นการเก็บภาษีวิหารที่อไบดอส พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองพระองค์แรกที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลัทธิแห่งเทพีฮัตฮอร์ที่เดนเดรา[11] และในต่างดินแดน ฟาโรห์เตติทรงรักษาความสัมพันธ์ทางการค้ากับไบบลอสและนิวเบีย[35]
ฟาโรห์เตติทรงโปรดให้สร้างพีระมิดที่ซักกอเราะฮ์เหนือ พีระมิดของพระองคืเป็นไปตามมาตรฐานของพีระมิดแห่งดเจดคาเร อิเซซิที่สร้างไว้ โดยมีความยาวฐาน 78.5 ม. (258 ฟุต) บรรจบกับยอดที่ทำมุม ~53° ที่ความสูงสูงสุด 52.5 ม. (172 ฟุต)[41] โครงสร้างพื้นฐานของพีระมิดนั้นคล้ายคลึงกับพีระมิกของฟาโรห์ยูนัสและดเจดคาเร อิเซซิมาก มีทางเดินลดหลั่นและทางเดินในแนวราบที่กั้นไว้ประมาณตรงกลางด้วยช่องหินแกรนิตสามช่อง นำไปสู่ห้องด้านหน้าที่ขนาบข้างไปทางทิศตะวันออกด้วยช่องแคบสามช่อง และทางทิศตะวันตกโดยห้องฝังศพที่มีโลงหิน[42] ผนังของห้องและส่วนของทางเดินแนวนอนถูกจารึกไว้ด้วยข้อความพีระมิด เช่นเดียวกับในพีระมิดแห่งยูนัส[43] วิหารบูชาพระบรมศพ ยกเว้นทางเข้า ก็สอดคล้องกับแผนพื้นฐานเช่นเดียวกับของผู้ปกครองก่อนหน้าของพระองค์[43][44] กลุ่มพีระมิดบริวารตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของพีระมิดโดยมีความยาวฐาน 15.7 ม. (52 ฟุต)[45] ทางเดินที่เชื่อมไปยังวิหารบูชาพระบรมศพนั้นยังไม่ได้รับการขุดค้น[44] ในขณะที่วิหารที่รับรองพระบรมศพและเมืองพีระมิดนั้นหายไปทั้งหมด[43] พีระมิดของฟาโรห์เตติกลายเป็นที่ตั้งของสุสานขนาดใหญ่ และรวมถึงพีระมิดของพระมเหสีนิธและพระมเหสีอิพุต ซึ่งเป็นพระราชมารดาของฟาโรห์เปปิที่ 1 ด้วย[46][47] พระอัฐิสัณฐานของพระนางอิพุตถูกค้นพบโดยทรงถูกฝังอยู่ในพีระมิดของพระองค์ในโลงพระบรมศพไม้[46]
มาเนโธอ้างว่าฟาโรห์เตติทรงถูกลอบปลงพระชนม์โดยมหาดเล็กประจำพระองค์ แต่ไม่มีแหล่งข้อมูลร่วมสมัยใดมายืนยันประเด็นดังกล่าว[35][48] หากเป็นเรื่องจริง อาจจะอธิบายและชี้ถึงฟาโรห์ที่ขึ้นมาครองราชย์เป็นระยะเวลาสั้น ๆ พระนามว่า ยูเซอร์คาเร ระหว่างรัชสมัยของฟาโรห์เตติและฟาโรห์เปปิที่ 1[35]พระนามของฟาโรห์ยูเซอร์คาเรปรากกอยู่ในบันทึกพระนามแห่งตูรินและอไบดอสและถูกกล่าวถึงในหลักฐานทางโบราณคดีร่วมสมัยหลายฉบับ[11]
ฟาโรห์เปปิที่ 1
[แก้]ในช่วงราชวงศ์ที่ห้าแห่งอียิปต์ คณะสำรวจถูกส่งไปยังวาดิ มาการาในคาบสมุทรไซนาย เพื่อขุดหาแร่เทอร์ควอยซ์และทองแดง เช่นเดียวกับเหมืองที่ฮัตนุบ และวาดิ ฮัมมามาต ซึ่งฟาโรห์ดเจดคาราได้ทรงส่งคณะสำรวจทางการค้าลงใต้ไปยังดินแดนพุนต์และขึ้นเหนือไปยังเมืองไบบลอส และฟาโรห์เปปิที่ 1 ไม่เพียงแต่ทรงส่งคณะสำรวจไปยังสถานที่ดังกล่าวนี้เท่านั้น แต่ยังทรงส่งไปไกลถึงเอบลาในซีเรียปัจจุบันด้วย
ฟาโรห์เปปิที่ 2
[แก้]ทรงเป็นฟาโรห์ที่โดดเด่นที่สุดของราชวงศ์ที่ห้าคือ ฟาโรห์เปปิที่ 2 ซึ่งทรงครองราชย์ยาวนานถึง 94 ปี[49]
พระนางนิติเกรต
[แก้]พระองค์ทรงเป็นที่ทราบกันในพระนามภาษากรีก คือ นิโตคริส ซึ่งเป็นสตรีที่ถูกเชื่อโดยนักวิชาการว่าพระองค์ไม่ได้ทรงเป็นฟาโรห์สตรีพระองค์แรกเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นสมเด็จพระราชินีพระองค์แรกของโลกด้วย แม้ว่าในปัจจุบันจะเป็นที่ยอมรับกันว่าพระนามของพระองค์จะเป็นการอ่านพระนามที่ผิดพลาดของฟาโรห์นิตอิเกอร์ติ ซิพทาห์
ความเฟื่องฟูของขุนนาง
[แก้]ด้วยจำนวนจารึกชีวประวัติที่เพิ่มขึ้นในสุสานที่ไม่ใช่ของพระราชวงศ์[50] ทำให้ทราบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ร่วมสมัยได้กว้างขึ้น[51] ตัวอย่างเช่น การที่ได้ทราบถึงแผนการที่ล้มเหลวในการต่อต้านฟาโรห์เปปิที่ 1[52] และทราบถึงอ่านจดหมายที่เขียนโดยยุวกษัตริย์เปปิที่ 2 ด้วยความตื่นเต้นที่หนึ่งในคณะสำรวจของพระองค์จะกลับมาพร้อมกับคนแคระเต้นรำจากดินแดนแห่งยัม ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของนิวเบีย[53]
คำจารึกบนสุสานที่ไม่ใช่ของพระราชวงศ์เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของอำนาจที่เพิ่มขึ้นของขุนนาง ซึ่งทำให้การปกครองโดยสมบูรณ์ของฟาโรห์ได้อ่อนแอลงไปอีก ผลที่ตามมา คือ เป็นที่เชื่อกันว่าในการสวรรคตของฟาโรห์เปปิที่ 2 ที่ทรงมีพระชนมพรรษายืนมากนั้น ทำให้ข้าราชบริพารของพระองค์ตั้งมั่นมากพอที่จะต่อต้านพระราชอำนาจของผู้ปกครองที่ขึ้นมาปกครองต่อหลายพระองค์ของพระองค์ ซึ่งอาจจะมีส่วนทำให้ราชอาณาจักรเก่าเสื่อมอำนาจลงอย่างรวดเร็ว
เชิงอรรถ
[แก้]- ↑ มีการเสนอช่วงเวลาของราชวงศ์ที่หก (หน่วย : ปีก่อนคริสตกาล) ได้แก่ c. 2460–2200 BC,[3] c. 2374–2200 BC,[2] c. 2370–2190 BC,[4] c. 2345–2181 BC,[5][6][7] c. 2323–2150 BC,[8][9] c. 2282–2117 BC.[1]
- ↑ มีการเสนอช่วงเวลาของรัชสมัยฟาโรห์เตติ (หน่วย : ปีก่อนคริสตกาล) ได้แก่ c. 2374–2354 BC,[34] c. 2345–2333 BC,[35] c. 2345–2323 BC,[32][37] c. 2323–2191 BC,[8][9] c. 2282–2270 BC.[38]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Dodson & Hilton 2004, p. 70.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 Altenmüller 2001, p. 601.
- ↑ Grimal 1992, p. 390.
- ↑ Verner 2001d, p. 473.
- ↑ Bard 1999, Chronology.
- ↑ Clayton 1994, p. 30.
- ↑ Shaw 2003, pp. 482–483.
- ↑ 8.0 8.1 Allen et al. 1999, p. xx.
- ↑ 9.0 9.1 Lehner 2008, p. 8.
- ↑ Leprohon 2013, pp. 42–43.
- ↑ 11.0 11.1 11.2 11.3 11.4 Grimal 1992, p. 81.
- ↑ Manetho & Waddell 1964, p. 53.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 Leclant 1999, p. 10.
- ↑ Baud & Dobrev 1995, p. 59.
- ↑ Baud & Dobrev 1995, pp. 59 & 66.
- ↑ Ryholt 1997, pp. 13–14.
- ↑ Baud & Dobrev 1995, pp. 46–49.
- ↑ Altenmüller 2001, p. 603.
- ↑ Altenmüller 2001, p. 604.
- ↑ 20.0 20.1 Leclant 1999, p. 11.
- ↑ 21.0 21.1 Manetho & Waddell 1964, p. 55.
- ↑ Baker 2008, pp. 211–212.
- ↑ Grimal 1992, p. 89.
- ↑ Theis 2010, pp. 325–326.
- ↑ Shaw, Ian, บ.ก. (2000). The Oxford History of Ancient Egypt. ISBN 978-0-19-815034-3.
- ↑ Gardiner, Alan, Sir (1964). Egypt of the Pharaohs. Oxford University Press. p. 91.
- ↑ Grimal 1992, pp. 89–90.
- ↑ Verner 2001b, pp. 589–590.
- ↑ Grimal 1992, p. 79.
- ↑ Verner 2001b, p. 90.
- ↑ 31.0 31.1 Grimal 1992, p. 80.
- ↑ 32.0 32.1 32.2 32.3 32.4 Malek 2003, p. 103.
- ↑ Verner 2001b, p. 590.
- ↑ 34.0 34.1 34.2 34.3 34.4 Altenmüller 2001, p. 602.
- ↑ 35.0 35.1 35.2 35.3 35.4 35.5 35.6 Clayton 1994, p. 64.
- ↑ 36.0 36.1 36.2 Smith 1962, p. 48.
- ↑ Shaw 2003, p. 482.
- ↑ Dodson & Hilton 2004, p. 288.
- ↑ Malek 2003, p. 104.
- ↑ Grimal 1992, pp. 80–81.
- ↑ Lehner 2008, pp. 156–157.
- ↑ Verner 2001d, pp. 343–344.
- ↑ 43.0 43.1 43.2 Lehner 2008, p. 156.
- ↑ 44.0 44.1 Verner 2001d, p. 344.
- ↑ Lehner 2008, p. 157.
- ↑ 46.0 46.1 Clayton 1994, p. 65.
- ↑ Verner 2001d, pp. 347–350.
- ↑ Kanawati 2003, p. 157.
- ↑ Shaw, Ian (2000). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford University Press. p. 116. ISBN 978-0-19-815034-3.
- ↑ Breasted, J.H. (1906). Ancient Records of Egypt. Vol. Part One. Chicago. sections 282–390.
- ↑ Shaw, Ian (2000). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford University Press. p. 115. ISBN 978-0-19-815034-3.
- ↑ Breasted, J.H. (1906). Ancient Records of Egypt. Vol. Part One. Chicago. section 310.
- ↑ Breasted, J.H. (1906). Ancient Records of Egypt. Vol. Part One. Chicago. sections 350–354.
แหล่งข้อมูล
[แก้]- Allen, James; Allen, Susan; Anderson, Julie; และคณะ (1999). Egyptian Art in the Age of the Pyramids. New York: The Metropolitan Museum of Art. ISBN 978-0-8109-6543-0. OCLC 41431623.
- Altenmüller, Hartwig (2001). "Old Kingdom: Sixth Dynasty". ใน Redford, Donald B. (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 2. Oxford: Oxford University Press. pp. 601–605. ISBN 978-0-19-510234-5.
- Baker, Darrel D. (2008). The Encyclopedia of the Pharaohs: Volume I - Predynastic to the Twentieth Dynasty 3300–1069 BC. London: Stacey International. ISBN 978-1-905299-37-9.
- Bard, Kathryn, บ.ก. (1999). Encyclopedia of the Archaeology of Ancient Egypt. London; New York: Routledge. ISBN 978-0-203-98283-9.
- Baud, Michel; Dobrev, Vassil (1995). "De nouvelles annales de l'Ancien Empire égyptien. Une "Pierre de Palerme" pour la VIe dynastie". Bulletin de l'Institut Français d'Archéologie Orientale (ภาษาฝรั่งเศส). 95: 23–92. ISSN 0255-0962.
- Clayton, Peter A. (1994). Chronicle of the Pharaohs. London: Thames & Hudson. ISBN 978-0-500-05074-3.
- Dodson, Aidan; Hilton, Dyan (2004). The Complete Royal Families of Ancient Egypt. London: Thames & Hudson. ISBN 978-0-500-05128-3.
- Grimal, Nicolas (1992). A History of Ancient Egypt. Translated by Ian Shaw. Oxford: Blackwell publishing. ISBN 978-0-631-19396-8.
- Kanawati, Naguib (2003). Conspiracies in the Egyptian Palace: Unis to Pepy I. London: Routledge. ISBN 0-203-16673-6.
- Leclant, Jean (1999). "A Brief History of the Old Kingdom". Egyptian Art in the Age of the Pyramids. New York: The Metropolitan Museum of Art. pp. 3–12. ISBN 978-0-8109-6543-0. OCLC 41431623.
- Lehner, Mark (2008). The Complete Pyramids. New York: Thames & Hudson. ISBN 978-0-500-28547-3.
- Leprohon, Ronald J. (2013). The Great Name: Ancient Egyptian Royal Titulary. Vol. 33 of Writings from the ancient world. Atlanta: Society of Biblical Literature. ISBN 978-1-589-83736-2.
- Malek, Jaromir (2003). "The Old Kingdom (c. 2686–2160 BC)". ใน Shaw, Ian (บ.ก.). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford University Press. pp. 83–107. ISBN 978-0-19-815034-3.
- Manetho; Waddell, William Gillan (1964). Aegyptiaca. The Loeb classical library, 350. Cambridge: Harvard University Press. OCLC 1067847872.
- Ryholt, Kim (1997). The Political Situation in Egypt during the Second Intermediate Period c. 1800–1550 B.C. CNI publications. Vol. 20. Copenhagen: The Carsten Niebuhr Institute of Near Eastern Studies: Museum Tusculam Press. ISBN 87-7289-421-0.
- Shaw, Ian, บ.ก. (2003). The Oxford History of Ancient Egypt. Oxford: Oxford University Press. ISBN 978-0-19-815034-3.
- Smith, William Stevenson (1962). "XIV: The Old Kingdom in Egypt and the Beginning of the First Intermediate Period". The Cambridge Ancient History. Vol. 1. Cambridge: Cambridge University Press. pp. 1–72. OCLC 879104162.
- Theis, Christoffer (2010). Kahl, Jochem; Kloth, Nicole (บ.ก.). "Die Pyramiden der Ersten Zwischenzeit, Nach philologischen und archäologischen Quellen". Studien zur Altägyptischen Kultur (ภาษาเยอรมัน). Hamburg: Helmut Buske Verlag. Band 39: 321–339. ISBN 978-3-87548-584-4. ISSN 0340-2215.
- Verner, Miroslav (2001b). "Old Kingdom". ใน Redford, Donald B. (บ.ก.). The Oxford Encyclopedia of Ancient Egypt, Volume 2. Oxford: Oxford University Press. pp. 585–591. ISBN 978-0-19-510234-5.
- Verner, Miroslav (2001d). The Pyramids: The Mystery, Culture and Science of Egypt's Great Monuments. New York: Grove Press. ISBN 978-0-8021-1703-8.
ก่อนหน้า | ราชวงศ์ที่หกแห่งอียิปต์ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ราชวงศ์ที่ห้า | ราชวงศ์แห่งอียิปต์ (ประมาณ 2345 - 2181 ปีก่อนคริสตกาล) |
ราชวงศ์ที่เจ็ดและแปดแห่งอียิปต์ |